มีหลายปัจจัยที่ทำให้ค่าตั๋วรถไฟในสหราชอาณาจักรสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป
1. สหราชอาณาจักรมีความหนาแน่นของประชากรน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรป ซึ่งหมายความว่ามีคนใช้เครือข่ายรถไฟน้อย ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนต่อผู้โดยสารสูงขึ้น นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานระบบรางของสหราชอาณาจักรมีความซับซ้อน และมีประวัติยาวนาน (เก่า) จึงต้องการการบำรุงรักษา และนั้นเพิ่มต้นทุน
2. ระดับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระบบรางของอังกฤษในช่วงที่ผ่านมานั้นน้อย เพื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรปที่ลงทุนมหาศาลในเครือข่ายรถไฟ มันนำไปสู่สถานการณ์ที่เครือข่ายรถไฟของสหราชอาณาจักรล้าสมัยและต้องการการปรับปรุงให้ทันสมัย ซึ่งหมายความว่าค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและอัปเกรดเครือข่ายจะสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นในราคาตั๋ว
3. นอกจากนี้ สหราชอาณาจักรได้แบ่งทางรถไฟเป็นส่วน ๆ และให้สัมปทานการเดินรถไฟแยกเป็นส่วน ๆ มากกว่าประเทศอื่นๆ ในยุโปร (บางประเทศในยุโปรการเดินรถยังเป็นของรัฐ หรือเป็นรัฐวิสาหกิจ)
ซึ่งหมายความว่ามีบริษัทที่ให้บริการรถไฟหลายแห่ง ซึ่งแต่ละบริษัทมีโครงสร้างค่าโดยสารและราคาของตนเอง นำไปสู่ความสับสนและราคาที่สูงขึ้นสำหรับผู้โดยสาร และแต่ละบริษัทยังคงต้องทำกำไรให้กับบริษัทด้วย
ประการสุดท้าย อุตสาหกรรมรถไฟของสหราชอาณาจักรอยู่ภายใต้กฎระเบียบและข้อบังคับที่เข้มงวดกว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรป สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ต้นทุนที่สูงขึ้นสำหรับบริษัทที่ให้บริการรถไฟ ซึ่งส่งต่อไปยังผู้โดยสารผ่านราคาตั๋วที่สูงขึ้น
แม้จะมีปัจจัยเหล่านี้ แต่ก็มีความพยายามที่จะทำให้การเดินทางด้วยรถไฟในสหราชอาณาจักรมีราคาถูกลง รัฐบาลได้ให้คำมั่นว่าจะลงทุนเพิ่มเติมในโครงสร้างพื้นฐานระบบรางของประเทศ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนเมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้ยังมีความคิดริเริ่มที่จะเพิ่มการแข่งขันและความโปร่งใสในอุตสาหกรรมรถไฟ ซึ่งอาจนำไปสู่การลดราคาตั๋วสำหรับผู้โดยสาร (รัฐก็คงอยากบอกอย่างงั้น แต่เอาจริงๆ Project ใหญ่ๆ เกี่ยวกับรถไฟก็งบและเวลาบานปลายทั้งนั้น ปลายไปเยอะด้วย)