Premier League Logo and photo: Canva
Premier League หรือพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เป็นหนึ่งในลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมและมีอิทธิพลมากที่สุดในโลก ด้านล่างนี้นี้จะพาท่านไปทำความรู้จักกับลีกอันทรงเกียรตินี้
ก่อนอื่นเลย คำว่า Premier จะแปลว่า ที่สำคัญที่สุด ส่วน League จะเลือกความหมายมาเป็น สมาคม หรือ ทีมบอล ดังนั้นมันจึงเป็น การรวมตัวเพื่อแข่งขันของทีมบอลชั้นนำของอังกฤษ ซึ่งก็แน่นอนว่าจะมีทีมที่เราเลยได้ยินชื่ออย่าง แมนยู ลิเวอร์พูล แมนซิ เชลซี อาร์เซนอล ไรงี้ ลองมาดูประวัติย่อ ๆ ของมันกัน
ประวัติความเป็นมา
พรีเมียร์ลีกมีรากฐานมาจากการปฏิรูปครั้งใหญ่ของวงการฟุตบอลอังกฤษในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ก่อนหน้านี้ การแข่งขันฟุตบอลระดับสูงสุดของอังกฤษคือ ดิวิชั่น 1 (Division One) ภายใต้การดูแลของ Football League ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1888
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 ฟุตบอลอังกฤษประสบปัญหาหลายประการ ทั้งความรุนแรงในสนาม สภาพสนามที่ทรุดโทรม และการขาดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้ความนิยมของฟุตบอลอังกฤษลดลงอย่างมาก
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อทีมชาติอังกฤษทำผลงานได้ดีในฟุตบอลโลก 1990 ที่อิตาลี ทำให้กระแสความนิยมฟุตบอลกลับมาอีกครั้ง ประกอบกับความสนใจของบริษัทโทรทัศน์ที่ต้องการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล ทำให้สโมสรชั้นนำของอังกฤษเล็งเห็นโอกาสในการสร้างลีกใหม่ที่จะนำมาซึ่งรายได้มหาศาล
ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 1992 สโมสรจาก Division One ทั้ง 22 ทีมได้ลงมติที่จะแยกตัวออกจาก Football League และก่อตั้งพรีเมียร์ลีกขึ้น โดยมีสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) เป็นผู้สนับสนุน การตัดสินใจครั้งนี้นำไปสู่การเซ็นสัญญาถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์มูลค่ามหาศาลกับ BSkyB ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ของฟุตบอลอังกฤษ
ฤดูกาลแรกของพรีเมียร์ลีกเริ่มขึ้นในวันที่ 15 สิงหาคม 1992 โดยมี 22 ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์สมัยแรกไปครอง นับจากนั้นเป็นต้นมา พรีเมียร์ลีกได้เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งในแง่ของคุณภาพการแข่งขัน ความนิยม และมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ในปี 1995 จำนวนทีมในลีกถูกลดลงเหลือ 20 ทีมตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อลดจำนวนการแข่งขันและเพิ่มคุณภาพของเกมการแข่งขัน นอกจากนี้ ความสำเร็จของทีมอังกฤษในการแข่งขันระดับยุโรป รวมถึงการดึงดูดนักเตะระดับโลกมาร่วมทีม ยิ่งเพิ่มความนิยมของลีกในระดับนานาชาติ
โครงสร้างการแข่งขัน
ในแต่ละฤดูกาล พรีเมียร์ลีกประกอบด้วยทีมทั้งหมด 20 ทีม แต่ละทีมจะแข่งขันกันแบบพบกันหมด ไป-กลับ รวมทั้งสิ้น 38 นัดต่อทีม ทีมที่ทำแต้มได้มากที่สุดเมื่อจบฤดูกาลจะคว้าแชมป์ลีกไปครอง ในขณะที่สามทีมที่มีคะแนนน้อยที่สุดจะต้องตกชั้นไปเล่นในลีกรองอย่าง Championship และจะมีทีมจาก Championship เลื่อนชั้นขึ้นมาแทนที่
ความนิยมและผลกระทบทางเศรษฐกิจ
ความนิยมของพรีเมียร์ลีกนั้นแผ่ขยายไปทั่วโลก โดยมีการถ่ายทอดสดไปกว่า 200 ประเทศ ด้วยผู้ชมนับพันล้านคนในแต่ละฤดูกาล ความนิยมอันมหาศาลนี้ส่งผลให้พรีเมียร์ลีกกลายเป็นลีกฟุตบอลที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก สร้างรายได้มหาศาลจากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด การสนับสนุน และการขายสินค้าที่ระลึก
ทีมและผู้เล่นที่โดดเด่น
ตลอดประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก มีทีมที่ประสบความสำเร็จมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่คว้าแชมป์ลีกไปถึง 13 สมัย ตามมาด้วยทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เชลซี และลิเวอร์พูล ที่ต่างก็เคยคว้าแชมป์มาครองหลายสมัย
นอกจากนี้ พรีเมียร์ลีกยังเป็นเวทีที่รวบรวมนักเตะระดับโลกมากมาย อาทิ อลัน เชียเรอร์ ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของลีก ธิเอร์รี อองรี ตำนานของอาร์เซนอล รวมถึงสองซูเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ และ เวย์น รูนี่ย์ ที่เคยสร้างผลงานยอดเยี่ยมให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Premier League
1. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุด โดยได้ 13 สมัย
2. อลัน เชียเรอร์ เป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวน 260 ประตู
3. ไรอัน กิ๊กส์ เป็นผู้เล่นที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกมากที่สุด โดยลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 632 นัด
4. อาร์เซนอล เป็นทีมเดียวที่ไม่แพ้ใครเลยตลอดฤดูกาล 2003-2004 จนได้ฉายาว่า “The Invincibles”
5. เลสเตอร์ ซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-2016 ทั้งที่มีอัตราต่อรองก่อนเริ่มฤดูกาลสูงถึง 5000 ต่อ 1
6. แกรี่ ลินเนเกอร์ เป็นผู้ดำเนินรายการ Match of the Day ซึ่งเป็นรายการไฮไลท์พรีเมียร์ลีกที่ออกอากาศมายาวนานที่สุดในโลก
7. พอล สโคลส์ เป็นผู้เล่นที่ได้รับใบเหลืองมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก โดยได้รับไปทั้งสิ้น 97 ใบ
8. ฤดูกาล 2019-2020 เป็นฤดูกาลแรกที่มีการใช้ VAR (Video Assistant Referee) ในพรีเมียร์ลีก
9. เทดดี้ เชอริงแฮม ทำประตูที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก โดยยิงให้ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในวินาทีที่ 9.82 ของเกม
10. แฟรงค์ แลมพาร์ด เป็นกองกลางที่ทำประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวน 177 ประตู
11. ดาวิด เดเคอา เป็นผู้รักษาประตูที่เก็บคลีนชีตได้มากที่สุดในฤดูกาลเดียว โดยทำได้ 18 นัดในฤดูกาล 2017-2018
12. ในฤดูกาล 2020-2021 พรีเมียร์ลีกมีมูลค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดสูงถึง 9.2 พันล้านปอนด์ ซึ่งเป็นลีกฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
พรีเมียร์ลีกไม่เพียงแต่เป็นการแข่งขันฟุตบอลระดับสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ด้วยการผสมผสานระหว่างฟุตบอลคุณภาพสูง นักเตะระดับโลก และแฟนบอลที่หลงใหล ทำให้พรีเมียร์ลีกกลายเป็นลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ฤดูกาล แต่ FA Cup เก่าสุดในการแข่งขันฟุตบอล
หากท่านใดอยากเดินทางมาดูการแข่งขันฟุตบอลนี้ซักครั้งก็สามารถติดต่อ Thai Tour UK ได้นะครับ